สวรรค์ชั้นที่ ๒


ตาวติงสเทวภูมิ



เทวภูมิอันดับที่ ๒ นี้ เป็นแดนแห่งความสุข ซึ่งเป็นที่สถิตอยู่แห่งปวงเทพยดาชาวฟ้าผู้อุปบัติเทพ มีเทพผู้เป็นอธิบดีมเหศักดิ์รวม ๓๓ องค์ อันมี ท่านท้าวสักเทวาธิราชเป็นประธานาธิบดี เพราะฉะนั้น สรวงสวรรค์ชั้นนี้จึงมีนามว่าตาวติงสเทวภูมิ ภูมิเป็นที่อยู่แห่งทวยเทพอันมีเทพสามสิบองค์ทรงเป็นอธิบดี

แดนสุขาวดีเมืองสวรรค์ชั้นฟ้า อันมีนามว่า "ตาวติงสเทวภูมิ" หรือที่เรียกให้ฟังกันง่าย ๆ ในหมู่ชาวเราว่า "สวรรค์ชั้นดาวดึงส์"

สวรรค์ชั้นนี้ ตั้งอยู่เหนือจอมเขาสิเนรุราชบรรพต ปรากฏเป็นเทพนครใหญ่กว้างขวางนักหนา  ปรางค์ปราสาทล้วนแล้วไปด้วยแก้วอันเป็นทิพย์  แวดล้อมรอบพระนครด้วยปราการกำแพงแก้วทิพย์อีกเช่นกัน  เพราะความมโหฬารกว้างใหญ่ของเทพนครแห่งนี้ จึงปรากฏว่ามีประตูกำแพงแก้วถึง ๑,๐๐๐ ประตู และมีปราสาทยอดอันทรงรัศมีเลื่อมพรรณราย สวยสดงดงามอยู่เหนือประตูทุก ๆ ประตู

เมื่อประตูเหล่านั้นเปิดออกแต่ละครั้ง ย่อมปรากฏมีเสียงดังไพเราะเป็นยิ่งนัก  ก็ในท่ามกลางพระนครไตรตรึงษ์นั้น  มีปราสาทพิมานอันมีชื่อเสียงปรากฏเลื่องลืออยู่วิมานหนึ่ง นั่นคือ "ไพชยนตปราสาทพิมาน"

ก็ไพชยนตปราสาทพิมานนี้  มีรูปทรงสูงเยี่ยม เอี่ยมอ่องไปด้วยรัศมีสัตตรัตน์ เพราะประดับไปด้วยแก้ว ๗ ประการ อันมีความงามสุดจะพรรณนา ด้วยว่าเป็นปราสาทพิมานอันเป็นที่ประทับอยู่ แห่งองค์เทพผู้เป็นเทวาธิราช  ซึ่งมีนามปรากฏเป็นที่ทราบกันอยู่โดยมากว่า สมเด็จพระอมรินทราธิราช พระองค์ผู้ทรงเป็นอธิบดีมีมเหศักดิ์สูงสุด ณ สรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้ได้เคยมีพระพุทธสาวกผู้ทรงฤทธิ์เข้าไปยังไพชยนตปราสาทพิมานนี้เหมือนกันดังเรื่องที่ปรากฏในจูฬตัณหาสังขยสูตร 

สถานที่ท่องเทียวในสวรรค์ชั้นนี้

สวนสวรรค์
แดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เจริญรุ่งเรือง มีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายทั้งในหมู่เทวดาและมนุษย์ รู้กันว่าเป็นแดนที่อยู่อันแสนจะสนุกเป็นสุขสำราญ เป็นสถานที่อันรื่นรมย์น่าชมน่าเที่ยวน่าทอดทัศนา

ฉะนั้น จึงปรากฏว่า โยคีฤาษีสิทธิทั้งหลายผู้ได้ฌานอภิญญาก็ดี หรือแม้แต่พระอริยเจ้าในพระบวรพุทธศาสนาผู้ได้บรรลุอภิญญาประกอบด้วยอริยฤทธิ์ก็ดี  ย่อมถือโอกาสมาเที่ยวชมแดนสรวงสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์นี้อยู่เสมอ ๆ  

บรรดาทิพยสมบัติอันมีปรากฏอยู่ในสรวงสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอยู่ทั่วไปก็คือ สวนสวรรค์อุทยานทิพย์ ในสวรรค์ชั้นนี้ มีอุทยานทิพย์อยู่มากมาย เมื่อจะนับแต่อุทยานใหญ่ ๆ มีชื่อเสียง ก็มีอยู่ ๔ อุทยานคือ

๑. นันทวันอุทยานทิพย์ ตั้งอยู่ในด้านทิศตะวันออก แห่งดาวดึงส์แดนสวรรค์
๒. จิตรลดาวันอุทยานทิพย์ ตั้งอยู่ในด้านทิศตะวันตก แห่งดาวดึงส์แดนสวรรค์
๓. สักวันอุทยานทิพย์ ตั้งอยู่ในด้านทิศเหนือ แห่งดาวดึงส์แดนสวรรค์

๔. ปารุสกวันอุทยานทิพย์ ตั้งอยู่ในด้านทิศใต้ แห่งดาวดึงส์แดนสวรรค์


สวนขวัญอุทยานทิพย์เหล่านี้ เป็นสถานที่น่ารื่นรมย์ สวยสดงดงามน่าสนุกสนาน จะหาที่เปรียบปานในมนุษย์โลกเรานี้มิได้เลย เพราะเป็นอุทยานทิพย์ในสรวงสวรรค์ เต็มไปด้วยสรรพรุกขชาตินานาพรรณ

นอกจากนั้นก็มีสระโบกขรณีอันเป็นทิพย์ มีน้ำใสดังแผ่นแก้วและดูรุ่งเรืองน่ารื่นรมย์ และมีปาสาณศิลาคือก้อนหินศิลาล้วนแต่เป็นทิพย์ มีรัศมีสวยรุ่งเรืองเลื่อมประภัสสรมีแท่นที่นั่งเล่นอันอ่อนนุ่ม มีสีขาวสะอาดดุจดังใครมาแสร้งวาดไว้ให้พิจิตรสวยงาม ฝูงเทพบุตรเทพธิดาผู้มีความสุขทั้งหลาย ย่อมพากันมาเล่นสนุกเป็นที่สุขใจเริงสราญ ในสวนสวรรค์อุทยานทิพย์เหล่านี้เป็นเนืองนิตย์มิได้ขาดเลย


พระเกศจุฬามณีเจดีย์

ณ เบื้องสวรรค์เมืองฟ้าชั้นดาวดึงส์นี้ มีสถานที่สำคัญที่สุดอยู่แห่งหนึ่ง สถานที่ที่ว่านี้ก็คือ "พระจุฬามณีเจดีย์" ก็อันว่าพระจุฬามณีเจดีย์เจ้านี้ เป็นเจดีย์ที่ทรงสัณฐานใหญ่ ทรงไว้ซึ่งความประเสริฐวิเศษเป็นมโหราฬิกและศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ในทิศอาคเนย์ คือทิศตะวันออกเฉียงใต้ แห่งไตรตรึงษ์เทพนคร

องค์พระเจดีย์เจ้านั้นแลดูสวยสดงดงามมีรัศมีรุ่งเรืองนักหนา เพราะว่าสร้างด้วยแก้วอินทนิลอันเป็นทิพย์ ตั้งแต่กลางถึงยอดพระเจดีย์เจ้านั้นทำด้วยสุวรรณทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ผุดผ่อง และประดับไปด้วยสัตตพิธรัตนะคือแก้ว ๗ ประการ ส่วนสูงทั้งหมดเมื่อกำหนดนับได้ ๘๐,๐๐๐ วา มีปราการกำแพงทองคำเนื้อแท้ล้อมรอบทุกด้านเป็นจตุรทิศ กำแพงแต่ละทิศนั้น มีความยาวนับได้ ๑๖๐,๐๐๐ วา มีธงประดับนานาชนิดมีสีสันแตกต่างกัน บ้างเหลือง บ้างแดง บ้างขาว บ้างเขียว แลดูงดงามสลับสลอนพรรณรายนักหนา



ปาริชาติ

นอกเหนือไตรตรึงษ์เทพนคร ออกไปทางทิศอีสานคือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีอุทยานทิพย์อยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีนามปรากฏว่า ชื่อว่า "ปาริชากัลปพฤกษ์" และใต้ต้นไม้ทิพย์นั้น มีแท่นศิลาแก้วอันหนึ่ง ซึ่งปรากฏปุณฑริกวัน เป็นสวนขวัญอุทยานทิพย์มีบริเวณกว้างใหญ่ยิ่งนัก มีกำแพงล้อมรอบทั้ง ๔ ด้าน กลางสวนนั้นมีไม้ทองหลางใหญ่อันเป็นทิพย์อยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งเป็นต้นไม้ทิพย์อันปรากฏมีชื่อเสียงเลื่องลือโดยนามว่า "บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์" เป็นแท่นทิพย์มีสีแดงดังดอกชบา และมีลักษณะอ่อนนุ่มดังผ้าฟูกหรือหงอนแห่งพญาราชหงส์ทอง

เมื่อสมเด็จพระอมรินทราธิราชประทับนั่งพักผ่อนพระอิริยาบถอยู่เหนือแท่นศิลานี้แล้ว แท่นศิลาอันเป็นทิพย์ประเสริฐนี้ ก็จะมีลักษณะการอ่อนยุบลงไป และเมื่อพระองค์เสด็จลุกขั้น แท่นศิลานี้ก็จะฟูขึ้นเต็มตามเดิม เป็นแท่นศิลาที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์เพราะยุบลงได้และฟูขึ้นได้เองโดยธรรมชาติอย่างนี้ตลอดกาล

ส่วนไม้ปาริชาตินั้น ต่อกาลนับได้ ๑๐๐ ปี จึงมีดอกบานครั้งหนึ่ง และเมื่อถึงคราวดอกไม้สวรรค์นี้จะบาน ฝูงเทพบุตรเทพธิดาทั้งหลาย ต่างก็พากันรื่นเริงยินดีเป็นนักหนา ย่อมผลัดเปลี่ยนเวรเวียนกันอยู่เฝ้า จนกว่าดอกไม้นั้นจะบาน

ครั้นดอกไม้สวรรค์นั้นบานแล้ว ย่อมปรากฏมีแสงอันรุ่งเรืองงดงามนักหนารัศมีแห่งดอกปาริชาตนั้น ย่อมเรือง ๆ ไปไกลได้หลายหมื่น เมื่อลมรำเพยพัดพาไปทางทิศใด ย่อมส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทางทิศนั้น เป็นระยะไกลสุดไกล เพราะมิใช่ดอกไม้ดอกเดียว โดยที่แท้เป็นดอกไม้หลายหลากนักหนา บานสะพรั่งตลอดหมดทั้งต้นทุกกิ่งทุกก้าน  ฝูงเทพยดาทั้งหลายเมื่อต้องการดอกไม้นั้น  ก็มิพักต้องขึ้นไปสอยไปเก็บให้เหนื่อยยาก หากแต่เพียงแต่เข้าไปใต้ต้น ดอกปาริชาตนั้น ก็จะหล่นตกลงมาถึงมือเอง ประดุจดังจะรู้จิตใจของเขา

ถ้าเขายังทันได้รับก่อนแล้วไซร้ดอกไม้สวรรค์ก็หาพลันตกลงถึงพื้นไม่ เพราะมีลมชนิดหนึ่ง พัดชูดอกไม้นั้นเข้าไว้บนอากาศมิให้ตกถึงพื้น จนกว่าเทพยดาผู้ต้องประสงค์นั้นจะรับเอา เพื่อความเข้าใจดีในเรื่องนี้ พึงทราบจากพระพุทธฎีกา อันมีปรากฏในปาริฉัตตกสูตร


สุธรรมาเทวสภา

ณ ที่ไม่ไกลจากปาริชาตต้นไม้สวรรค์เท่าใดนัก มีศาลาใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งปรากฏนามว่า "สุธรรมาเทวสภา" เป็นศาลาทิพย์อันงามตระหว่านประเสริฐนักมีปริมณฑลกว้างขวางใหญ่โต พื้นศาลานั้นแล้วไปด้วยแก้วผลึก ประดับไปด้วยสัตตพิธรัตนะแก้ว ๗ ประการ คือสุวรรณปราการกำแพงทองล้อมรอบ

และ ณ ที่ใกล้กำแพงนั้น มีดอกไม้สวรรค์วิเศษอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งปรากฏนามว่า "อสาพติ" ดอกไม้ชนิดนี้ กว่าจะบานก็เป็นเวลานานนัก ครบถ้วนเวลา ๑,๐๐๐ ปี จึงจะบานสักครั้งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาดอกไม้นี้บานแล้วย่อมจะส่งกลิ่นอบอวล หอมหวนนักหนา ฝูงเทพยดาทั้งหลาย เขาย่อมเปลี่ยนเวรกันอยู่เฝ้า ด้วยว่าเทวดาทั้งปวงนั้น เขามีจิตผูกพันรักดอกไม้เป็นยิ่งนัก

ภายในศาลาสุธรรมา ซึ่งเป็นที่ประชุมฟังธรรมของเหล่าเทพยดาผู้สัมมาทิฐิทั้งหลายนั้น มีธรรมาสน์แก้วสวยงามวิจิตรงดงามตระการตานัก มีความกว้างใหญ่หลายวา เป็นธรรมาสน์ประจำตั้งอยู่ที่ศาลานั้น นอกจากนี้ ก็มีเทวราชอาสน์อันเป็นทิพย์ ซึ่งเป็นที่ประทับนั่งสดับธรรมของสมเด็จพระอมรินทร์จอมเทพ  ต่อจากนั้น ก็มีเทวอาสน์ที่นั่งของเทพเจ้าผู้เป็นพระสหายของพระองค์ ต่อจากนั้นก็เป็นอาสนะที่นั่งแห่งปวงเทพเจ้าทั้งหลาย ลดหลั่นกันลงไปตามฐานานุศักดิ์

เมื่อจักพรรณนาถึงความรื่นรมย์แล้ว ภายในสุธรรมาเทวสภานี้ ย่อมมีความรื่นรมย์หาที่ใดจักเปรียบปานมิได้ อบอวลหอมหวนไปด้วยกลิ่นดอกไม้สวรรค์นานาชนิดอยู่ตลอดกาล ได้ทราบว่า สถานที่นี่ เป็นที่น่ารื่นรมย์ชวนชมกว่าแห่งอื่นในสรวงสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์ ผู้ที่มีฤทธิ์วิเศษมีโอกาสไปถึงและได้เห็นมาแล้ว เมื่อมาพบเห็นที่ใดที่หนึ่งอันน่ารื่นรมย์ในมนุษย์โลกเรานี้ มักจะอุทานวาทีเปรียบเปรยว่า "รื่นรมย์เหมือนสุธรรมาเทวสภา" ด้วยประการฉะนี้

อายุของเทวดาชั้นดาวดึงส์ เทียบดังนี้
ชั้นจาตุมีอายุ 500 ปีทิพย์ 1 วันทิพย์ เท่ากับ 50 ปีโลกมนุษย์ ดังนั้นเท่ากับ 500X360X50 = 9,000,000 ปี

ชั้นดาวดึงส์ " " 1000 " " 1 " " 100 " " เท่ากับ 36,000,000 ปี




ตั๋วทางไปดาวดึงส์สวรรค์


ดูกรสารีบุตร ! ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวังให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยความคิดว่า 
"ตายไปแล้ว เราจักได้เสวยผลทานนี้"  แต่ให้ทานด้วยความคิดว่า "การให้ทาน เป็นการกระทำที่ดี"

เขาผู้นั้น ให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำกาลกิริยาตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเหล่าเทวดาทั้งหลายในชั้นดาวดึงส์สวรรค์

อ้างอิง :พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต ทานสูตร





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น